Saturday, June 12, 2010

แยมเบอรี่ : Mixed Berry Jam


วันนี้มีสูตรการทำแยมเบอรี่แบบง่ายแสนง่ายมาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ  ที่ทำแยมนี้เพราะต้องการจะทำความสะอาดตู้แช่แข็งก็เลยต้องกำจัดของที่อยู่ในตู้ให้หมดซะก่อน พอดีเห็นว่ามีพวกเบอรี่ทั้งสตรอว์เบอรี่่ แบล็คเบอรี่ ราสพ์เบอรี่ และเรดเคอเรนท์ที่เราจับแช่แข็งไว้เยอะแยะไปหมดก็เลยจับมาทำแยมซะเลย นำออกมาชั่งได้ 2 กิโลพอดิบพอดี อย่ากระนั้นเลยจับมาแปรรูปซะให้หมดดีกว่า ผลลัพธ์ก็อย่างที่เห็นค่ะ ได้แยมเบอรี่ขวดละ 450 กรัมมา 7 ขวดด้วยกันแน่ะ 


รสชาติก็ออกมาสำหรับเราว่าหวานไปนิ๊ดส์นึง แต่แฟนบอกว่ากำลังดีแล้ว หวานอมเปรี้ยวหน่อยๆ กินกับขนมปังอร่อยดีค่ะ ขวดที่ใส่เนี่ยก็แอบเอาของเก่าที่เคยซื้อมากินมาล้างแล้วรีไซเคิลค่ะ รุ่นนี้ไม่ลงทุนหรอก เดี๋ยวจะเสียชื่องกได้โล่กันพอดี 55  มาดูสูตรกันเลยนะคะ 

ส่วนผสม
  • สตรอว์เบอรี่ แบล็คเบอรี่ ราสพ์เบอรี่ แบล็คเคอเรนท์ และเรดเคอเรนท์  น้ำหนักรวมกัน 2 กก. (ถ้าไม่มีทุกอย่างจะเลือกใช้เฉพาะที่มีหรืออย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ค่ะ)
  • น้ำตาลแพคติน ชนิด 2:1  1 กก.
  • มะนาวสีเหลืองลูกใหญ่  3 ลูก  (หรือใช้น้ำมะนาวคั้นสดประมาณ 1/2 ถ้วย)
  • เหล้ารัม  2 ชต.  (เราไม่มีเลยไม่ได้ใส่ค่ะ)


เนี่ยค่ะหน้าตาน้ำตาลที่ใช้ เป็นแบบ 2:1 (ปริมาณผลไม้ : ปริมาณน้ำตาล)  อย่างวันนี้เราใช้ผลไม้ 2 กก. ก็ใช้น้ำตาล 1 กก. ค่ะ  รูปน้ำตาลนี้ลืมถ่ายไว้เลยไปขอยืมมาจากเวปของบริษัทน้ำตาลมาค่ะ   ก่อนเริ่มลงมือต้มแยมอย่าลืมนำขวดที่จะใส่แยมไปล้างให้สะอาดทั้งขวดและฝา แล้วนำไปลวกในน้ำที่ต้มจนเดือดแล้วทั้งขวดและฝาอีกครั้งเพื่อฆ่าเชื้อ เสร็จแล้วก็คว่ำไว้บนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำเองโดยไม่ต้องเช็ดนะคะ เสร็จแล้วก็ไปลงมือทำแยมกันค่ะ


วิธีทำก็ง่ายๆ เลยค่ะ ถ้าเป็นผลไม้สดก็จับไปล้างผ่านน้ำเย็น หั่นสตรอว์เบอรี่เป็นเต๋าใหญ่แล้วใส่ในหม้อที่จะต้มรวมกับเบอรี่ชนิดอื่นๆ (เราหั่นสตรอว์เบอรี่เป็นเต๋าครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งเราเอาไปปั่นละเอียดค่ะ)  ใส่น้ำตาล น้ำมะนาว และรัมลงไปคนให้เข้ากัน (ถ้ามีเวลาก็นำไปแช่เย็นไว้สัก 2 ชม. ก่อนนำไปต้มก็ดีค่ะ แต่เราขี้เกียจเลยต้มเลย)  นำหม้อตั้งไฟแรงคนเป็นระยะจนเดือด จากนั้นก็เคี่ยวไฟแรงต่อประมาณ 5 นาที ระหว่างนั้นก็คนตลอดเวลาด้วยนะคะ  แอบชิมไปด้วยก็ได้ค่ะ ถ้ารู้สึกว่าหวานเกินไปก็เติมน้ำมะนาวเพิ่มอีกได้

เมื่อเดือดครบ 5 นาทีแล้วก็ปิดไฟแล้วตวงใส่ขวดทันทีตอนที่ยังร้อนๆ อยู่ ตวงใส่ให้เต็มขวดเลยนะคะ เสร็จแล้วก็ปิดฝาแล้วคว่ำขวดลงเหมือนในรูปค่ะ  คว่ำทิ้งไว้อย่างนั้นประมาณ 20 นาทีค่อยคว่ำกลับคืนค่ะ เสร็จแล้วก็ปล่อยไว้ให้เย็นสนิท ขวดไหนที่จะกินก่อนก็ใส่ตู้เย็นไว้ ที่ยังไม่กินก็ทิ้งไว้ข้างนอกไม่ต้องใส่ตู้เย็นค่ะ


ผ้ากับโบว์สวยๆ งามๆ ก็ไม่มีเหมือนชาวบ้านเค้า เลยคว้ากระดาษกับโบว์อันใหญ่ๆ มาตัดแต่งไปตามมีตามเกิด น่าสงสารน้องแยมเนอะ  เราทำได้ทั้งหมด 7 ขวด แล้วมีเหลือเศษอยู่นิดหน่อย ตักใส่ถ้วยแล้วแช่เย็นไว้สักพักก็จับตัวแล้วค่ะ จัดการนำขนมปังกรอบนอกนุ่มในมาทาเนยแล้วปาดแยมทับเข้าไปซะ อร่อยๆ  


หลังจากอัพบล็อกนี้แล้วคงหายหน้าหายตาไปประมาณเดือนกว่าๆ นะคะ  ระหว่างนี้คงไม่ได้เข้ามาดูบล็อก หากใครถามอะไรแล้วยังไม่ได้ตอบก็อย่าเพิ่งเคืองกันเน้อ ไว้กลับมาจะรีบตอบให้เลยค่า

Saturday, June 5, 2010

มัฟฟินกล้วยหอม : Banana Muffins

วันนี้มีมัฟฟินกล้วยหอมสูตรอร่อยมาฝากค่ะ สูตรนี้ทำบ่อยมากถึงมากที่สุดเลยค่ะ ใครชอบทานเค้กกล้วยหอมถ้าเบื่อสูตรเดิมๆ ที่เคยทำ อยากลองเปลี่ยนรสชาติดูบ้างก็ลองใช้สูตรนี้ดูนะคะ อร่อยจริงๆ นาไม่ได้โม้ ทำง่ายที่สุดในจักรวาลเลยด้วย ไม่ต้องต้องตีส่วนผสมมากใช้แค่ตะกร้อมือตั้งแต่ต้นจนจบเลยค่ะ

ส่วนผสม
  • ไข่ไก่ขนาดกลาง 1 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 110 กรัม
  • เกลือ 1/4 ชช.
  • เนยละลาย 60 กรัม
  • กล้วยหอมสุกงอม 2 ลูก (น้ำหนักไม่รวมเปลือกประมาณ 280 กรัม )
  • วานิลาเอ๊กซ์แทร็ค 1/2 ชช.
  • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 180 กรัม
  • ผงฟู 1 ชช.
  • เบกกิ้งโซดา 1/2 ชช.
  • ช็อคชิปส์/วอลนัทสับ 50 กรัม
วิธีทำ

ก่อนอื่นเตรียมพิมพ์มัฟฟินรองด้วยถ้วยกระดาษ
อุ่นเตาอบไฟบนล่างไว้ที่ 200ซี ด้วยนะคะ จัดการร่อนแป้งรวมกับผงฟูและเบกกิ้งโซดารวมกัน 2 รอบ จากนั้นก็หันไปปอกเปลือกกล้วยหอมแล้วใช้ช้อนส้อมบดรวมกับวานิลาจนละเอียด พักไว้ก่อนค่ะ

ตอกไข่ใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาลทรายและเกลือลงไปแล้วตีพอเข้ากัน จากนั้นก็ใส่เนยละลายและกล้วยบดลงไปคนให้เข้ากัน สุดท้ายเทแป้งทั้งหมดลงไปคนเบาๆ แค่แป๊บเดียว พอเข้ากันก็หยุดค่ะ สุดท้ายใส่ช็อคโกแล็ตชิปส์หรือวอลนัทสับลงไป วน 2-3 ครั้งพอค่ะ

เทส่วนผสมใส่ประมาณ 3/4 ของพิมพ์  นำถาดมัฟฟินวางชั้นกลางของเตา อบไฟบน-ล่าง 200ซี ประมาณ 10 นาที แล้วลดเหลือไฟ 180 ซี อบต่ออีกประมาณ 10-12 นาทีจนมัฟฟินมีสีเหลืองทอง เช็คสุกโดยใช้ไม้จิ้มฟันทิ่มตรงกลาง หากไม่มีแป้งติดไม้มาก็แสดงว่าสุกแล้วค่ะ


นำถาดมัฟฟินออกมาจากเตาอบ แล้วย้ายขนมออกจากพิมพ์มัฟฟินไปวางบนตะแกรง พักมัฟฟินให้เย็นสนิทก่อนเสิร์ฟค่ะ


เย็นแล้วๆ จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมน้ำชาหรือกาแฟยามบ่าย แหล่มล่ายแบบง่ายดายจริงๆ ค่ะ

เนื้อในค่ะ หอมหวานกลมกล่อมนุ่มลิ้น เนื้อมัฟฟินชุ่มฉ่ำกำลังดี คนชิมที่ไม่ใช่เจ้านายที่บ้านเค้าการันตีมาแล้วจ้า

ข้างล่างนี้ใส่วอลนัทค่ะ เป็นรูปเก่าที่ทำไว้เป็นปีแล้วมั๊ง บางคนชอบแบบใส่ช็อคชิปส์ บางคนก็ชอบวอลนัทมากกว่า เอาเป็นว่าชอบอะไรก็เลือกใส่อันนั้นไปแล้วกันนะคะ หรือถ้าเลือกไม่ถูกจะใส่ทั้งสองอย่างเลยก็ได้เช่นกันค่ะ


Friday, June 4, 2010

มาม่อนเค้ก : Mamon Cake


วันนี้มีสูตรมาม่อนเค้กซึ่งเป็นสปองค์เค้กของฟิลิปปินส์ที่เนื้อนุ่มเบา อร่อยและไม่หวานมากนักมาฝากค่ะ เป็นสูตรที่มีส่วนผสมไม่กี่อย่าง วิธีทำก็ง่ายดายไม่สลับซับซ้อนอะไร เปอร์เซ็นต์การล้มเหลวจึงค่อนข้างต่ำ ใครชอบสปองค์เนื้อเบาๆ ลองทำดูนะคะ เราทำหลายรอบแล้ว ลองผสมสองแบบ แบบแรกยุ่งยากกว่านิดนึง เนื้อขนมนุ่มมากแต่ไม่เหมือนฟองน้ำ ส่วนแบบที่สองผสมง่ายกว่าเนื้อขนมจะออกมานุ่มเหมือนฟองน้ำ สรุปว่าเราชอบกินตัวขนมแบบที่ 1 มากกว่าค่ะ เพราะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกินขนมปุยฝ้ายนิดๆ (พยายามทำปุยฝ้ายหลายรอบแล้วแต่ไม่เคยสำเร็จค่ะ ขาดเอสพีช่วย หน้าไม่แตก เนื้อเค้กงี้ทั้งหนักทั้งแน่นเชียว) ภาพวิธีทำที่ลงก็เป็นการผสมแบบแรกนะคะ

ส่วนผสม

1. ไข่ไก่ฟองใหญ่ 2 ฟอง
2. เกลือป่น 1 หยิบมือ
3. น้ำมะนาว 1/2 ชช.
4. น้ำตาลทรายเม็ดละเอียด 60 กรัม
5. น้ำมันพืช 35 กรัม
6. วานิลลา 1/2 ชช.
7. แป้งเค้ก 50 กรัม
8. ผงฟู 1/4 ชช.
9. ผลไม้แห้งเช่น เชอรี่ ลูกเกด ส้ม หรือชีสสำหรับโรยหน้า

วิธีทำ 1



แยกไข่ขาวกับไข่แดงออกจากกัน ร่อนแป้งกับผงฟูรวมกัน 2 ครั้ง อุ่นเตาอบไว้ที่ 180ซี เตรียมถ้วยกระดาษรองพิมพ์มัฟฟินไว้ให้พร้อมค่ะ 

ตีไข่ขาวกับเกลือและน้ำมะนาวด้วยความเร็วต่ำสุดประมาณ 20 วินาที พอเริ่มฟูเปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุดแล้วค่อย ๆ ใส่น้ำตาล (30 กรัม)ลงไปทีละน้อย ตีต่อจนน้ำตาลทรายหมดและไข่ขาวตั้งยอดอ่อน พักไว้ก่อน    (เราใส่ภาพสลับกันค่ะ จริงๆ ต้องตีไข่ขาวก่อน เสร็จแล้วถึงมาตีไข่แดง ทำอย่างนี้เพราะขี้เกียจล้างหัวตี 55 หากใครขยันล้างก็ตีไข่แดงก่อนแล้วค่อยตีไข่ขาวเหมือนในภาพก้ได้ค่ะ)
    ตอนนี้เราก็ไปตีไข่แดงต่อค่ะ โดยเทไข่แดง น้ำมันพืช วานิลา และน้ำตาลส่วนที่เหลือใส่ชามอ่างอีกใบ ตีด้วยความเร็วสูงจนไข่มีลักษณะข้นฟู แล้วจึงนำไข่ขาวมาตะล่อมให้เข้ากับไข่แดง 


    สุดท้ายก็ร่อนแป้งใส่อ่างไข่ แบ่งใส่สัก 2 ครั้ง ตะล่อมเบามือด้วยตะกร้อมือหรือพายยางให้พอเข้ากัน ไม่มีแป้งเหลือเป็นเม็ดๆ (เราใช้ตะกร้อมือตะล่อมแป้งให้เข้ากับไข่พอเข้ากันก่อน สุดท้ายก็ใช้ไม้พายปาดส่วนผสมตะล่อมวนจากขอบจนถึงก้นอ่างประมาณ 2-3 ครั้งเพื่อความแน่ใจว่าผสมเข้ากันดีแล้วจริงๆ ค่ะ) ขั้นตอนนี้พยายามอย่าคนแรงหรือคนนานนะคะ ไม่งั้นเค้กที่ได้จะเหนียวและไม่นุ่มฟูเท่าที่ควรค่ะ    
      เสร็จแล้วก็เทใส่พิมพ์ โรยหน้าด้วยผลไม้แห้งต่างๆ (ถ้าชอบ) แล้วนำเข้าอบประมาณ 13-15 นาทีค่ะ วางถาดตรงชั้นกลางของเตาอบนะคะ หากใครชอบชีสก็ไม่ต้องโรยผลไม้ พออบเสร็จเอาออกจากเตาแล้วก็โรยหน้าด้วยชีสขูดค่ะ 


        วิธีทำ 2 

        ร่อนแป้งกับผงฟูรวมกัน 2 ครั้ง อุ่นเตาอบไว้ที่ 180ซี เตรียมถ้วยกระดาษรองพิมพ์มัฟฟินไว้ให้พร้อมค่ะ ตอกไข่ใส่ชามผสม ใส่เกลือและน้ำมะนาวลงไป หาชามอ่างอีกใบที่เล็กกว่าอ่างไข่ใส่น้ำร้อนมารองก้นอ่างไข่ ตีไข่ด้วยความเร็วต่ำสุดประมาณ 20 วินาที พอเริ่มฟู เปลี่ยนเป็นความเร็วสูงสุดตีต่อไปเรื่อย ๆ แล้วค่อย ๆ ใส่น้ำตาลลงไปทีละน้อย ตีต่อจนน้ำตาลทรายหมด ไข่มีลักษณะข้นมาก ๆ และมี สีขาวนวล 
          จากนั้นค่อยๆ เทน้ำมันพืชและวานิลลาลงไป ตีต่อจนน้ำมันเข้ากับไข่ดี แล้วก็หยุดค่ะ สุดท้ายค่อยๆ ร่อนแป้งลงในอ่างไข่ แบ่งใส่สัก 2 ครั้งนะคะ ตะล่อมอย่างเบามือให้เข้ากันดี ไม่มีแป้งเหลือเป็นเม็ดๆ แล้วก็เทใส่พิมพ์ โรยหน้าด้วยผลไม้แห้งต่างๆ แล้วนำเข้าอบประมาณ 13-15 นาทีค่ะ หากใครชอบชีส ก็ไม่ต้องโรยผลไม้ พออบเสร็จเอาออกจากเตาแล้วก็โรยหน้าด้วยเชดด้าชีสทันทีค่ะ

              วันนี้เราโรยหน้าด้วยลูกเกดก่อนอบครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งโรยชีสหลังอบค่ะ ปกติจะใช้เชดด้าชีสโรย แต่วันนี้ไม่มีเลยใช้ยังเกาด้าแทน ก็พอได้ค่ะแต่ถ้าเป็นเชดด้าจะอร่อยกว่า



              กัดให้ดูเนื้อขนมด้านในหน่อย เนื้อมันนุ่มเหมือนปุยนุ่น พอเอาเข้าปากไปแล้วแทบไม่ต้องเคี้ยวเลย กินไปตั้งหลายถ้วยแต่รู้สึกเหมือนไม่ได้กินเลย ฮ่าๆ สรุปว่าอบไป 8-9 ถ้วย อะฮั้นกินคนเดียวก็ 6 ถ้วยแล้วค่ะ ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมถึง... ไม่เอา ไม่พูดต่อดีกว่า อะฮึๆ




              Thursday, June 3, 2010

              ขนมปังมันฝรั่งไส้ไก่ : Potato Buns with Chicken Curry Filling


              เราทำขนมปังมันฝรั่งติดกันมาเป็นอาทิตย์แล้วค่ะ พอดีมีมันฝรั่งเยอะ ไม่เคยได้นำมาทำกับข้าวก็เลยจับมาทำขนมซะให้หมด ตอนแรกที่ทำขนมปังมันฝรั่งนั้นทำสูตรยามาซาหน่องค่ะ อร่อยและนุ่มมากมาย แต่หลังๆ ก็แอบอยากหาอะไรสนุกๆ มาเล่น เลยจับสูตรขนมปังแถวของตัวเองมาดัดแปลงไปเรื่อยเปื่อย ก็เลยกลายมาเป็นสูตรขนมปังมันฝรั่งไส้ไก่อย่างที่เห็นเนี่ยค่ะ พ่อแม่ชอบกินมากๆ เราก็กินติดกันหลายวันแล้วยังไม่เบื่อเลยค่ะ
              http://farm5.static.flickr.com/4006/4664189186_06c665be56_b.jpg

              ทำไปเรื่อยเปื่อยจริงๆ บางทีก็ใส่มันฝรั่งแค่ 120 กรัมบ้าง บางครั้งก็ใส่ 130 กรัมตามสูตรค่ะ พอดีก่อนต้มไม่ได้ชั่ง พอต้มเสร็จแล้วตอนนำมาบดถึงได้ชั่ง ขาดไปนิดนึงหรือเกินไปหน่อยนึงบางทีเราก็หยวนๆ ไป แป้งออกมานิ่มเชียวค่ะ ก่อนอบบางครั้งก็อบแบบโล้นๆ บางทีก็แต่งหน้าทาปากให้ขนมบ้างแล้วแต่อารมณ์ พูดอะไรมากมายเรามาดูสูตรกันเลยดีกว่านะคะ เราเริ่มทำไส้ไว้ก่อนเลยค่ะ

              ส่วนผสมไส้ไก่ (โดยประมาณนะคะ)

              • หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
              • อกไก่ 150 กรัม
              • มันฝรั่ง 150 กรัม
              • เนยสด 1 ชต.
              • น้ำตาลทราย 15 กรัม (ประมาณ 1 1/4 ชต.)
              • ซีอิ้วขาว 1 ชต.
              • ผงกะหรี่ 1 ชช.
              • พริกไทยป่น 1/2 ชช.
              • เกลือ 1 หยิบมือ
              วิธีทำ
              หัวหอมใหญ่ปอกเปลือกแล้วหั่นเต๋าเล็ก อกไก่ล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆ มันฝรั่งปอกเปลือกแล้วหั่่นเต๋าเล็กๆ เช่นกันค่ะ 
              http://farm5.static.flickr.com/4009/4663568621_e37b707dd2_b.jpg

              นำกระทะตั้งไฟ ใส่เนยลงไปในกระทะ พอเนยละลายหมดใส่หอมหัวใหญ่ ไก่ และมันฝรั่งลงไปผัดรวมกัน พอมันฝรั่งสุกก็ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ้วขาว ผงกะหรี่ พริกไทย และเกลือ ชิมรสตามชอบ ผัดไปเรื่อยๆ จนน้ำแห้งดีก็ตักขึ้น พักไว้ให้เย็นค่ะ

              ส่วนผสมแป้งโดว์ สำหรับขนมปัง 12-15 ชิ้น
              • แป้งขนมปัง 250 กรัม
              • ยีสต์สด 10 กรัม (ยีสต์แห้ง 3 กรัม)
              • เนยเค็ม 40 กรัม
              • นมสดอุ่น 50 กรัม
              • มันฝรั่งต้มสุกบดละเอียด 130 กรัม
              • น้ำตาลทราย 40 กรัม
              • เกลือ 1/4 ชช.
              • วานิลา 1/2 ชช.
              วิธีทำ


              ก่อนอื่นเราปอกเปลือกมันฝรั่ง หั่นเป็นเต๋า แล้วนำไปต้มประมาณ 10 นาทีจนสุก รินน้ำออกให้หมดแล้วใส่เนย น้ำตาล เกลือ และวานิลาลงไปบดรวมกันค่ะ

              เนื่องจากเห็นว่าส่วนผสมน้อย วันนี้เราเลยใช้เครื่องตีมือถือนวดแทนการใช้เครื่องทำขนมปังค่ะ มันรวดเร็วทันใจดี นวดแค่ประมาณ 5-6 นาทีก็เนียนแล้วค่ะ หากใครมีเครื่องที่มีกำลัง 350 วัตต์ขึ้นไปก็นำมาใช้ได้นะคะ แต่ถ้ากำลังเครื่องต่ำกว่านี้คงต้องนวดๆ หยุดๆ เพราะไม่งั้นมอเตอร์มันอาจจะไหม้ได้ค่ะ วิธีนวดตามแบบของเราก็มีดังนี้ค่ะ


              http://farm5.static.flickr.com/4039/4664189846_6f2ae6a8a5_b.jpg


              เทนมอุ่นใส่อ่างผสมใบใหญ่แล้วใส่ยีสต์ลงลงไปคนจนยีสต์ละลาย (หากใช้ยีสต์แห้งหลังจากคนแล้วให้พักไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนใส่แป้งค่ะ) แล้วจึงใส่แป้ง ทำบ่อตรงกลางแล้วเทส่วนผสมมันฝรั่งลงไปในบ่อแป้ง ใช้ไม้พายคนส่วนผสมพอเข้ากันค่ะ

              จากนั้นใช้เครื่องตีหัวเกลียวนวดส่วนผสมด้วยความเร็วสูงสุดประมาณ 5-6 นาทีหรือจนแป้งเนียนมือและหลุดจากขอบอ่างได้อย่างง่ายดาย จัดการรวบแป้งเป็นก้อนกลม ทาเนยบางๆ ให้ทั่วก้อนแป้งแล้วใส่กลับไปในชามอ่าง คลุมผ้าพักไว้ให้แป้งขึ้นประมาณ 45-60 นาที หรือจนแป้งขึ้นเป็นสองเท่าค่ะ วิธีทดสอบว่าแป้งขึ้นได้ที่รึยังก็ใช้นิ้วจิ้มที่โดว์ดู หากแป้งไม่เด้งกลับแสดงว่าใช้ได้แล้วค่ะ

              เมื่อแป้งขึ้นดีแล้วก็นำมาคลึงให้ทั่วเพื่อไล่ลม แล้วตัดแบ่งเป็น 12-15 ก้อนเท่าๆ กัน แล้วแต่ใครชอบขนาดเล็กใหญ่แค่ไหนค่ะ คลึงแป้งที่ตัดไว้เป็นก้อนกลมๆ ค่ะ เรียงลำดับก่อนหลังไว้ด้วยนะคะ พักแป้งที่คลึงกลมไว้ประมาณ 10 นาทีก่อนนำมาขึ้นรูปค่ะ อย่าลืมใช้พลาสติกใสคลุมแป้งกันลมไว้ด้วยค่ะ

              เมื่อพักแป้งครบ 10 นาทีแล้วเราก็นำแป้งก้อนแรกที่คลึงไว้มาขึ้นรูปค่ะ จัดการแผ่แป้งให้ตรงกลางแป้งหนากว่าริมนิดหน่อย ใส่ไส้ลงไปแล้วจับริมแป้งรวบเข้าหากัน ใส่ในพิมพ์อบโดยวางแป้งด้านที่เราเก็บริมลงด้านล่างแล้วใช้มือกดเบาๆ ให้แบนนิดหน่อย คลุมผ้าหรือพลาสติกใสพักไว้ แล้วไปจัดการแป้งส่วนที่เหลือต่อไปจนหมดค่ะ

              เสร็จแล้วนำไปพักในที่อุ่นให้แป้งขึ้นอีกรอบประมาณ 20 นาที หรือจนแป้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัดค่ะ จากนั้นก็จัดการอุ่นเตาอบไว้ที่ 180 องศาเซลเซียสค่ะ

              เมื่อเตาอบร้อนได้ที่ก็ทาหน้าขนมด้วยนมสดบางๆ แล้วแต่งหน้าด้วยใบพาร์สลีย์และพริกชี้ฟ้า หรือจะไม่แต่งก็ได้ค่ะ จากนั้นนำขนมเข้าวางบนชั้นสองจากล่างของเตาอบ อบจนขนมสุกมีสีเหลืองทองสวย ใช้เวลาอบประมาณ 15-18 นาทีค่ะ

              เมื่อขนมสุกแล้วนำออกจากเตาอบ แล้วทาหน้าด้วยเนยทันทีเพื่อความเงางาม จากนั้นก็นำออกจากพิมพ์ผึ่งบนตะแกรงให้แห้งก่อนใส่ถุงเก็บค่ะ ของเราแทบไม่ได้เก็บค่ะ เพราะอบแล้วก็มักจะหมดในวันเดียวเลย
              ใส่พิมพ์แบบอื่นบ้าง อันนี้เป็นพิมพ์ซิลิโครค่ะ ไม่ต้องทาเนยที่พิมพ์ แต่เราว่าขนมที่อบใส่พิมพ์ซิลิโคนผิวมันเนียนสวยแต่จะไม่ค่อยนุ่มเหมือนเหมือนในพิมพ์อลูมิเนียมหรือเทฟล่อนน่ะ ไม่รู้คิดไปเองคนเดียวรึเปล่า คนอื่นเค้าก็ว่านุ่มดีนะคะ
              นี่แบบโล้นๆ ไม่แต่งหน้าค่ะ อารมณ์ขี้เกียจ 55 แต่ไม่เป็นไรหรอก แต่งหรือไม่แต่งก็ไม่มีผลต่อรสชาตินี่เนอะ ภาพสุดท้ายแล้วค่ะ กินตอนที่ยังอุ่นนิดๆ อยู่เนี่ยอร่อยจริงๆ นะคะ เพื่อนๆ ลองทำดูเน้อ

              Tuesday, June 1, 2010

              แบร์ลีนเนอร์ สูตร 2 : Berliner


              แป้งสูตรนี้อร่อยเหลือร้ายจริงๆ ค่ะ นุ่มม๊ากมาก ทำก็ไม่ยากด้วย เราเอาพุงป่องๆ ของเราการันตีความอร่อยเลยอ่ะจ้า แค่เนื้อโดนัทอย่างเดียวไม่ต้องพึ่งน้ำตาลไม่ต้องพึ่งไอซิ่ง เมินแยม หรือช็อคโกแล็ตก็อร่อยแล้วจ้า

              ส่วนผสมโดนัท สำหรับโดนัทประมาณ 15 ชิ้น
              1. แป้งสาลีเอนกประสงค์ 400 กรัม
              2. ยีสต์แห้ง 8 กรัม
              3. นมอุ่น 150 มล.
              4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
              5. เนยนุ่มๆ 50 กรัม
              6. น้ำตาลทราย 40 กรัม
              7. น้ำตาลวานิลา 1 ซอง (หรือกลิ่นวานิลา 1 ชช.)
              8. ผิวมะนาวขูด 1 ลูก
              9. กลิ่นรัม 2-3 หยด
              10. กลิ่นอัลมอนด์ 2 หยด
              11. เกลือ 1/2 ชช.
              12. Shortening สำหรับทอด
              13. แยมสตรอว์เบอรี่ แยมเชอรี่ แยมแอพริคอท นูเทล่า พุดดิ้ง น้ำตาลไอซิ่ง

              หมายเหตุ สำหรับไข่ไก่
              * ขนาดเล็ก น้ำหนักชั่งรวมเปลือกประมาณ 50-55 กรัม ใช้ไข่ทั้งฟอง
              * ขนาดกลาง น้ำหนักชั่งรวมเปลือกประมาณ 60-65 กรัม ไข่แดง 1 ฟอง+ไข่ทั้งฟอง
              * ขนาดใหญ่ น้ำหนักชั่งรวมเปลือกประมาณ 70> กรัม ใช้แค่ไข่แดงค่ะ

              วิธีทำ ถ้าใครนวดมือก็ทำตามนี้นะคะ  

              หมักยีสต์โดยแบ่งนมอุ่นมา 3 ชต. เทยีสต์ลงไปคนให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทราย 1/4 ชช. แล้วพักไว้ในที่อุ่นประมาณ 10 นาที หรือ จนกว่ายีสต์จะ ขึ้นฟูดีค่ะ จากนั้นเทครึ่งหนึ่งของแป้งใส่อ่างผสม ทำบ่อตรงกลาง เทนมอุ่นส่วนที่เหลือลงไป ใส่น้ำตาลทราย ไข่ น้ำตาลวานิลา รัม กลิ่นอัลมอนด์ ผิวมะนาว และยีสต์ที่หมักจนขึ้นฟูแล้ว ใช้เครื่องตีมือถือหัวเกลียวตีส่วนผสมให้เข้ากันด้วยความเร็วต่ำ 2 นาที (หรือจะใช้พายไม้คนๆ ส่วนผสมให้ เข้ากันแทนก็ได้ค่ะ) แล้วคลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นประมาณ 15 นาที ให้ยีสต์ทำงานค่ะ 

              ใส่แป้งส่วนที่เหลือ เนย และเกลือลงไปในอ่างยีสต์ นวดจนแป้งเนียนมือดีและแป้งหลุดจากขอบอ่างได้ง่าย แล้วทำเป็นก้อนกลม คลุมผ้าพักไว้ในที่อุ่นอีก ประมาณ 30 นาทีจนแป้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ตรงนี้ขึ้นอยู่กับอากาศด้วยค่ะ ถ้าหน้าหนาวยังไงก็เอาอ่างแป้งไปวางไว้บนฮีตเตอร์ หรือหาชามอ่างที่มีขนาดเล็ก กว่าอ่างแป้งหน่อย ใส่น้ำอุ่นเกือบร้อนลงไป แล้วนำอ่างแป้งวางบนอ่างน้ำอุ่น ทำแบบนี้แป้งจะได้ขึ้นเร็วๆ ได้กินเร็วๆ ไม่ต้องรอเงกนะคะ  

              ขั้นตอนพวกนี้สำหรับเพื่อนๆ ที่นวดแป้งด้วยมือนะคะ หากใครใช้เครื่องนวดให้เหมือนเราก็ไม่ต้องยุ่งยากทำขั้นตอนพวกนี้เลยค่ะ แค่ใส่ทุกอย่างใน เครื่องแล้วก็ใช้โปรแกรมนวดตามปกตินะคะ ปกติเวลาที่ทำขนมปังทั่วไปเครื่องจะใช้เวลานวดรวมถึงพักแป้งรอบแรก 20 นาทีค่ะ แต่ถ้าทำโดนัท เนี่ยเราไม่จำเป็นต้องนวดนานขนาดนั้นค่ะ แค่ไม่เกิน 15 นาที พอแป้งเนียนดีก็ใช้ได้แล้วค่ะ



              พอแป้งเนียนดีแล้วเราก็ดึงเอาขาที่นวดออก แล้วทำแป้งเป็นก้อนกลม (จริงๆ แล้วไม่ต้องก็ได้ค่ะ แต่เราทำแบบนี้เพราะตอนแป้งขึ้นแล้วมันจะติด ขานวดเลอะเทอะเกรอะกรังน่ะค่ะ) พักไว้ในเครื่องอีกประมาณ 30 นาทีจนแป้งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



              เนี่ยค่ะ รูปนี้แหละ แป้งมันพองๆ ขึ้นมาแบบนี้ก็ใช้ได้แล้วจ้า


              จากนั้นก็จัดการโรยแป้งนวลบางๆ ที่โต๊ะก่อนนำแป้งมาคลึง ถ้าใครมีที่ตัดโดนัทก็สบายไป แต่หากใครไม่มีก็ใช้อาวุธแบบที่เราใช้ก็ได้ค่ะ ปกติจะ ใช้แก้วตัด แต่วันนี้อยากได้ขนาดใหญ่เต็มปากเต็มคำ เลยใช้กระป๋องตัดฝาออกให้เรียบแทนแก้วค่ะ กระป๋องนี้เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 9-10 ซม. ได้โดนัทมา 13 ชิ้นค่ะ ถ้าใครอยากได้ขนาดมาตรฐานก็ใช้แก้วหรือกระป๋องเส้นผ่าศูนย์กลาง 8 ซม. ตัดนะคะ แล้วจะได้โดนัทมาประมาณ 15 ชิ้นค่ะ


              เตรียมของเสร็จแล้วก็นำแป้งมาคลึงให้หนาประมาณ 1 ซม. ค่ะ เราแบ่งแป้งเป็น 2 ก้อน ก้อนแรกนำมาคลึง อีกก้อนก็พักไว้ในเครื่องก่อนค่ะ คลึง เสร็จแล้วก็ใช้กระป๋องตัดค่ะ อันนี้เป็นแบบกลมๆ มีไส้แต่ไม่มีรู



              ส่วนนี่เป็นแบบมีรูไม่มีไส้ ก็ใช้ฝาขวดตัดแป้งตรงกลางอีกทีจ้า


              ตัดเสร็จแล้วก็นำไปวางบนผ้าสะอาดที่โรยแป้งบาง ๆ ไว้จนทั่ว แล้วคลุมพลาสติกใสกันลมและใช้ผ้าอีกผืนปูทับไว้ด้วยค่ะ พักแป้งหลังจากตัดแต่ละชิ้นไม่เกิน 30 นาทีนะคะ ไม่ต้องพักจนขึ้นสองเท่าเหมือนขนมปัง

              เนี่ยค่ะ แป้งขึ้นได้ที่แล้วจะมีลักษณะฟูขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย ผิวของแป้งจะเรียบตึงอ่อนใสเหมือนใช้ลังโคม ปานนั้นเลยค่ะ หากพักแป้งนานเกินไปพอนำไปทอดโดนัท จะฟูมากๆ จริงๆ แต่ข้างในจะโปร่งมาก กินได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก ไม่ค่อยอร่อยเท่าที่ควรค่ะ 55 เมื่อแป้งพร้อมแล้วคราวนี้เราก็จัดการนำเนยขาวมาละลายเตรียมตัวลุ้นระทึกกับการทอดได้แล้วค่ะ


              พอเนยละลายหมดแล้วก็เปิดไฟกลางค่อนข้างอ่อนนะคะ รอจนน้ำมันร้อนได้ที่ก็นำเจ้าลูกเล็กๆ เศษของแป้งส่วนที่เหลือนำไปทอดทดสอบน้ำมันดูค่ะ ถ้านำแป้งลงทอดแล้วน้ำมันฟู่รอบๆ แป้ง ผิวโดนัทไม่เข้มเร็วจนเกินไปแสดงว่าใช้ได้ค่ะ เวลาที่ใช้ทอดโดนัทในแต่ละด้านประมาณ 1 นาที นะคะ ถ้าใช้ไฟอ่อนเกินไปโดนัทก็จะอมน้ำมัน ถ้าไฟแรงเกินข้างนอกจะไหม้แต่ข้างในจะไม่สุกค่ะ


              ทอดเจ้าตัวเล็กเสร็จแล้วลองบิดูเนื้อโดนัทด้วยนะคะว่าสุกทั่วถึงดีหรือเปล่า ถ้าข้างในยังไม่สุกก็แสดงว่าไฟแรงเกินไปค่ะ แต่ถ้าได้ออกมาแบบนี้ก็แสดงว่าความร้อนได้ที่ดีแล้วจ้า
              หมดเวลาซ้อมใหญ่แล้วก็ได้เวลาลงสนามจริงค่ะ หยิบโดนัทมาแล้วนำด้านบนลงทอดก่อนนะคะ ตอนนำโดนัทลงทอด 5 วินาทีแรกก็ใช้ตะเกียบวนๆ รูตรงกลางโดนัทเพื่อไม่เป็นวงกลมสวยและกันไม่ให้แป้งขึ้นฟูติดกันค่ะ


              ขณะที่ทอดโดนัทด้านแรกก็ปิดฝาหม้อไว้ด้วยค่ะ ทำอย่างนี้เพื่อให้แป้งขึ้นฟูจะได้เกิดวงสีแหวนสีขาวๆ รอบๆ โดนัท ขนมของเราจะได้ออกมาสวยงามน่ากินเหมือนที่ควรจะเป็นค่ะ


              ทอดด้านแรกไปเกือบๆ หนึ่งนาทีก็เปิดฝาสังเกตการณ์หน่อยนะคะ เมื่อเห็นว่าแป้งด้านล่างมีสีน้ำตาลอ่อนแล้วก็จัดการใช้ส้อมสองคัน ช่วยในการกลับโดนัทค่ะ ถึงตอนนี้เราก็เปิดฝาทอดนะคะ ทอดไปอีกประมาณ 1 นาที เช่นกันกับด้านบนค่ะ


              เมื่อทอดเสร็จแล้วก็วางโดนัทบนตะแกรง เตรียมตัวปะแป้งแต่งหน้ากันค่ะ ไหน ๆ ก็ใช้แป้งแบร์ลีนเนอร์ทำแล้วก็ต้องแต่งหน้าแบบต้นตำหรับนิดนึงค่ะ ทอดเสร็จปุ๊บคลุกน้ำตาลทรายปั๊บ บีบไส้โช๊ะตามชอบเข้าไป แล้วโรยไอซิ่งทับซะหน่อย อร่อยซ้า





              ส่วนนี่ใส่ไส้วานิลาพุดดิ้ง แล้วโรยไอซิ่งนิดหน่อยเพื่อความสวยงาม ไส้นี้เป็นของโปรดของหลายๆ คนแถวนี้รวมทั้งเราด้วยค่ะ

              สูตรไส้วานิลาพุดดิ้ง
              1. ไข่แดงขนาดใหญ่ 2 ฟอง
              2. น้ำตาล 40 กรัม
              3. แป้งข้าวโพด 2 ชต.
              4. นมผง 15 กรัม
              5. นมสด 125 มล.
              6. เนยสด 20 กรัม
              7. วานิลาเอกซ์แทร็ค 1/2 ชช.

              ตีไข่กับน้ำตาลรวมกันแล้วจึงใส่แป้งข้าวโพดและนมผงคนให้ละลาย ค่อยๆ เทนมจืดลงไปคนให้เข้ากัน กรอง 1 ครั้ง แล้วนำไปตุ๋นไฟอ่อนคนตลอดเวลาจนสุกข้นเนียนดีค่ะ จากนั้นยกลงจากเตา ใส่เนยลงไปคนจนเนยและวานิลาลงไปคนจนเนยละลายหมด ใช้พลาสติกใสคลุมหน้าไว้แล้วพักให้เย็นรอใส่ไส้ค่ะ


              ลูกนี้เป็นแบร์ลีนเนอร์แบบกลายพันธุ์ค่ะ นอกจากจะราดไอซิ่ง ช็อคโกแล็ตและแต่งด้วยเชอรี่เชื่อมแล้ว ยังหยอดไส้แยมเชอรี่เข้าไปอีกดอก อร่อย ไม่มีวันหยุดเด้อค่า


              หรือใครจะแค่คลุกน้ำตาล โรยไอซิ่ง เคลือบช็อคโกแล็ต เคลือบไอซิ่งละลาย หรือตกแต่งหน้าโดนัทยังไงก็สุดแต่ใจชอบนะคะ

              ทำเสร็จแล้วก็ได้เวลาเพิ่มห่วงยางให้กับรอบเอว กัดโช๊ะเข้าให้ อือม์... หลับตาพริ้ม...ไม่อยากจะเซดดดดด (เพราะปากไม่ว่าง 55) หากใครลองทำก็ ขอให้ออกมาสวย ๆ อร่อย ๆ ถูกอกถูกใจกันทุกคนค่ะ