Tuesday, November 5, 2013

แพนเค้ก : pancake



ส่วนผสม สำหรับรับประทาน 2 คน
  • แป้งเอนกประสงค์ 70 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ชช.
  • น้ำตาลทราย 40 กรัม
  • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 1 ฟอง (แยกขาว-แดง)
  • เกลือป่น 1 หยิบมือ
  • นมสด 100 มล.
  • น้ำผึ้ง 1 ชช.
  • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1/4 ชช.
  • น้ำเชื่อมเมเปิ้ลหรือน้ำผึ้งไว้ราดแพนเค้ก
วิธีทำ 

ร่อนแป้ง ผงฟู และน้ำตาลทรายรวมกันใส่อ่างผสมใบใหญ่ ทำบ่อตรงกลาง ใส่ไข่แดง นมสด น้ำผึ้ง และวานิลาลงในบ่อแป้ง ใช้ตะกร้อมือคนเร็วๆ พอเข้ากัน จากนั้นตีไข่ขาวกับเกลือป่นจนไข่ตั้งยอดอ่อน แล้วนำไปตะล่อมเบามือให้เข้ากับส่วนผสมแป้งค่ะ

นำกระทะเทฟล่อนมาตั้งไฟกลางค่อนข้างอ่อน ใช้ผ้าหรือคิทเช่นโรลชุบน้ำมันทากระทะบางๆ เมื่อกระทะร้อนก็ตักแป้งประมาณ 3 ชต. เทลงตรงกลางกระทะ ทอดจนเห็นว่าแป้งด้านบนเริ่มข้นและมีฟองอากาศผุดขึ้นมา ใช้ตะหลิวกลับแล้วทอดอีกด้านให้สีเหลืองทองเหมือนกันค่ะ

เสร็จแล้วตักแพนเค้กขึ้นวางบนถาดหรือจานที่รองด้วยอ่างน้ำร้อน ใช้ฝาปิดกันลมด้วยนะคะ แล้วจัดการทอดแป้งที่เหลือจนหมดค่ะ  


เมื่อทอดเสร็จแล้วจัดแพนเค้กใส่จานเสิร์ฟ ราดด้วยน้ำเชื่อมเมเปิ้ลหรือน้ำผึ้ง ทานคู่กับผลไม้สดเช่น ผลไม้ตระกูลเบอรี่ กล้วยหอม กีวี ฯลฯ แพนเค้กนี้ต้องทานตอนอุ่นๆ ทำเสร็จใหม่ๆ จะอร่อยมากค่ะ




ลองทำดูนะคะ ทำไม่ยาก อุปกรณ์ไม่เยอะ แป๊บเดียวก็ได้อาหารเช้าอร่อยๆ ให้สมาชิกในบ้านได้หม่ำกันแล้วค่ะ เจอกันบล็อกหน้านะคะ จุ๊บๆ



Monday, October 28, 2013

กูลาช : Gulasch



ลงสูตรกูลาชไว้ตั้งแต่ทำเวปจนเปลี่ยนมาทำบล็อกตั้งหลายปีแล้ว เพิ่งรู้ว่าไม่ได้ลงเป็นภาษาไทยไว้ด้วย วันนี้เลยถือโอกาสเอาของเก่ามาเล่าใหม่นะคะ

ส่วนผสม  สำหรับรับประทาน 4 คน
  • เนื้อวัว 500 กรัม (หรือจะใช้เนื้อหมู/เนื้อไก่ก็ได้ ตามชอบค่ะ)
  • หอมหัวใหญ่ขนาดใหญ่ 1 หัว (ถ้าขนาดเล็กใช้ 2 หัวค่ะ)
  • แครอท 1 หัว (ถ้าหัวเล็กใช้ 2 หัวค่ะ)
  • พริกหวานสีแดง 1 ลูก (เราใช้พริกหวาน 3 สี อย่างละครึ่งลูกค่ะ)
  • กระเทียม 1 กลีบใหญ่ (ถ้ากลีบเล็กก็สัก 2-3 กลีบ)
  • น้ำมันมะกอก 1 ชต.
  • อบเชยป่น 1/4 ชช.
  • แคราเวย์ 1/4 ชช.
  • กานพลู 1 ก้าน หรือชนิดผง 1 หยิบมือ
  • ผงปาปริก้าป่น 1 ชช.
  • พริกไทยดำบด 1 ชช.
  • เกลือป่น 1/2 ชช.
  • พารส์ลีย์แห้ง, มาโจแรมแห้ง อย่างละ1/4 ชช. (ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่ค่ะ)
  • ซอสมะเขือเทศเข้มข้น 125 มล.
  • น้ำซุป 400 มล.
วิธีทำ
หั่นเนื้อเป็นลูกเต๋าขนาดใหญ่ประมาณ 3-4 ซม. ปอกเปลือกหอมหัวใหญ่แล้วหั่นเป็นเส้นหนา 1 ซม. หรือหั่นเต๋าขนาด 3 ซม. ก็ได้ค่ะ ส่วนแครอทก็ล้างให้สะอาดแล้วหั่นหนาประมาณ 1 ซม. พริกหวานล้างแล้วหั่นเส้นหนาประมาณ 1 ซม. เช่นกันค่ะ   กระเทียมก็ปอกเปลือกแล้วหั่นหยาบ

นำหม้อตั้งไฟกลาง ใส่หอมหัวใหญ่ลงไปแล้วตามด้วยน้ำมันมะกอก ผัดจนส่งกลิ่นหอมก็ตักออกจากหม้อ พักไว้ก่อน จากนั้นใส่เนื้อที่หั่นไว้ลงไปผัดจนมีสีสวย (เราขี้เกียจหลายขั้นตอนเลยผัดเนื้อกับหอมหัวใหญ่กับน้ำมันมะกอกรวมกันทีเดียวเลยค่ะ ยังคงคอนเซ็ปท์มั่วนิ่มอยู่ ฮี่ๆ)

เมื่อเนื้อมีสีสวยดีแล้วก็ใส่อบเชยป่น แคราเวย์ กานพลู ผงปาปริก้า พริกไทยดำ เกลือ พาร์สลีย์ และมาโจแรมลงไปผัดรวมกันสัก 1 นาที  เสร็จแล้วก็ใส่แครอท พริกหวาน และกระเทียมที่เราหั่นไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน จากนั้นใส่ซอสมะเขือเทศเข้มข้นลงไปคนให้เข้ากัน ปิดฝาหม้อไว้ประมาณ 5 นาที แล้วจึงใส่น้ำซุปลงไป คนให้เข้ากัน ปิดฝาตุ๋นประมาณ 2 ชม. (คนเป็นครั้งคราวค่ะ)

ระหว่างตุ๋นก็สังเกตุดูน้ำซุปด้วยค่ะ ถ้ารู้สึกว่าแห้งไปก็เติมน้ำซุปเพิ่มได้นิดหน่อย แต่ไม่ควรให้เหลวเกินไปเพราะรสชาติสตูว์จะไม่เข้าข้นเท่าที่ควรค่ะ  (ความข้นของน้ำซุปก็ประมาณแกงกะหรี่ญี่ปุ่นน่ะค่ะ) ชิมรสตามชอบนะคะ ถ้าอ่อนเค็มก็เติมเกลือลงไป ถ้ารสยังไม่จัดพอก็ใส่พริกไทยเพิ่มค่ะ

กูลาชนี้จะทานคู่กับคเนอเดลหรือมันฝรั่งต้มธรรมดาก็ได้ค่ะ  เข้ากันดีมาก เราไม่ได้ลงสูตรคเนอเดลให้เพราะมันทำยุ่งยากมาก ซื้อแบบกึ่งสำเร็จรูปมาต้มเองสะดวกกว่าเยอะค่ะ 

Monday, August 26, 2013

Nussplunder


เราเคยกินเจ้านัทเดนิชนี้ครั้งแรกเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว พ่อซื้อมาให้จากร้านเบเกอรี่โปรดของพ่อ ตอนเห็นหน้าตาก็ไม่ค่อยรู้สึกอยากจะกินนัก เพราะเมื่อก่อนไม่ชอบกินครัวซอง และไม่โปรดปรานบรรดานัททั้งหลาย แล้วก็ไม่ชอบอะไรแห้งๆ แต่เพราะพ่อซื้อมาให้เลยต้องกินเพราะเกรงใจ กัดไปคำแรก เออ ก็โอเคนะ รสชาติไม่แย่อย่างที่คิด กัดคำที่สองโดนไส้ไปเต็มๆ โอ๊ย! อร่อยอ่ะ  สรุปกินอย่างมีความสุขจนหมดชิ้นเลย หลังจากนั้นพอผ่านร้านเบเกอรี่นี้เมื่อไหร่เราก็แวะซื้อเจ้านี่กลับบ้านตลอด ติดใจ 55


ต่อมาพอเริ่มหัดทำอาหารและขนมเองแล้ว ก็เริ่มแข็งข้อกับบรรดาร้านอาหารและร้านเบเกอรี่ พอไปกินอาหารร้านไหนก็มักจะจำเอารสชาติของอาหารที่เราชอบมามั่วทำตามที่บ้าน ได้รสเป็นที่พอใจเมื่อไหร่ก็ทำกินเองตลอด เช่นเดียวกันกับขนมหรือเค้กต่างๆ เดี๋ยวนี้ทั้งร้านอาหารและเบเกอรี่ได้ตังค์เราน้อยมาก คือจะได้เฉพาะเวลาที่เราขี้เกียจจริงๆ นอกนั้นทำเองหมด ตอนทำก็มีความสุข ตอนกินก็มีความสุขแถมยังสบายใจด้วยค่ะ เพราะอย่างนี้เลยอยากชวนเพื่อนๆ ที่พอมีเวลามาทำอาหารและขนมกินกันในครอบครัวแทนการออกไปกินอาหารนอกบ้าน ช่วยกันทำ ช่วยกันกิน เป็นการกระชับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวที่ดีมากๆ อีกทางหนึ่งด้วยค่ะ

ส่วนผสมแป้ง  สำหรับเดนิส 12 ชิ้น
  • ยีสตแห้ง 7 กรัม (ยีสต์สด 21 กรัม)
  • นมสด 250 มล.
  • น้ำตาลทราย 40 กรัม
  • แป้งขนมปัง 500 กรัม
  • เกลือป่น 10 กรัม
  • ไข่ไก่ขนาดเล็ก 1 ฟอง
  • เนยสด 220 กรัม
  • ไข่แดง 1 ฟอง + นมสด 1 ชช สำหรับทาผิวก่อนอบ

Monday, June 24, 2013

สตรอว์เบอรี่มูสเค้ก : Strawberry Mousse Cake


เมื่อวานไปเก็บสตรอว์เบอรี่มา ลูกใหญ่เบิ้ม หอม หวานมากๆ อดใจไม่ไหวเลยทำสตรอว์เบอรี่มูสเค้กไปฝากพ่อกับแม่หน่อย ใช้คุณปู้จายขับรถเอาไปให้แม่ พนักงานส่งสินค้ายังกลับไม่ถึงบ้านเลย พ่อกับแม่โทรมา ไม่พูดไม่จาแต่ทำเสียงจิ๊บจั๊บ อื้อๆ เพื่อบอกให้รู้ว่ากำลังกินเค้กอยู่ และอร่อยมาก 55 พ่อกับแม่น่ารักอ่ะ

ภาพวิธีทำมีไม่ครบนะคะ แถมยังเป็นรูปที่รวมจากการทำคนละครั้งด้วย หลงๆ ลืมๆ บางขั้นตอนถ่ายไว้ บางขั้นตอนก็เพลินจนลืม ขอโทษทีนะคะ  

ส่วนผสมตัวเค้ก สำหรับสปริงฟอร์มขนาด 20 ซม. 
  • แป้งเค้ก 65 กรัม
  • ผงฟู 1 ชช.
  • น้ำตาลทราย ก. 50 กรัม
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง (แยกขาว-แดง)
  • เกลือป่น 1/4 ชช.
  • น้ำตาลทราย ข. 20 กรัม
  • นมสด 45 กรัม
  • น้ำมันพืช 30 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ชต.  
  • กลิ่นมะนาว 1/2 ชช.

เค้กชิฟฟอนกล้วยหอม : Banana Chiffon Cake


วันนี้มีสูตรชิฟฟอนกล้วยหอมแบบเพียวๆ กล้วยตู้มๆ เนื้อนุ่มๆ มาฝากกันค่ะ  สาเหตุที่ทำก็เพราะมีกล้วยหอมที่เริ่มงอมแล้วอยู่ 2 ลูก เบื่อเค้กกล้วยหอมสูตรเดิมๆ ก็เลยเปลี่ยนมาทำแบบชิฟฟอนดูบ้าง แต่ปกติชิฟฟอนกล้วยหอมที่เราเคยทำจะใส่กล้วยค่อนข้างน้อย สูตรนี้จะหนักกล้วยหน่อยนะคะ แต่รับรองว่าอร่อยและนุ่มมากเลยค่ะ 

ส่วนผสม
  • แป้งเค้ก 130 กรัม
  • น้ำตาลทราย 80 กรัม
  • นมผง 2 ชต.
  • ผงฟู 1 1/2 ชช.
  • กล้วยหอมสุกงอมบดละเอียด 200 กรัม (ใช้ปั่นก็ดีนะคะ เราใช้แค่ส้อมบดเลยไม่ละเอียดเท่าที่ควร)
  • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1/2 ชช.
  • น้ำมันพืช 55 กรัม
  • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 2 ฟอง (แยกไข่ขาว-ไข่แดง)
  • เกลือป่น 1/4 ชช.
  • อัลมอนด์สไลด์ สำหรับโรยหน้าก่อนอบ

Tuesday, June 18, 2013

ขนมบ้าบิ่น : Kanom Babin - Thai Style Pancakes

 

วันนี้มีขนมบ้าบิ่นอุ่นๆ มาเสิร์ฟค่ะ สนองความอยากกินมาหลายเดือน (ว่ากันเป็นเดือนเลยค่ะ) พอดีมีมะพร้าวอ่อนครึ่งๆกลางๆ อยู่ คือจะว่าอ่อนพอกินเปล่าๆ ก็แข็งเกินไป ครั้นเอาไปขูดก็อ่อนเกินไปอีก เห็นอย่างนี้เจ้ามะพร้าวเจ้าปัญหาเลยถูกคนบ้าจับมาทำบ้าบิ่นซะเรียบร้อยโรงเรียนมั่วนิ่ม อร่อยสบายพุงไปเลยจ้ะ เดี๋ยวตามเรามาดูส่วนผสมและวิธีทำกันนะว่ามันง่าย ง๊าย ง่ายจริงๆ

ส่วนผสม สำหรับบ้าบิ่นประมาณ 15 ชิ้น
  • น้ำตาลทราย 100 กรัม
  • กะทิ 50 กรัม
  • เกลือป่น 1/4 ชช.
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • แป้งข้าวเหนียว 80 กรัม
  • แป้งข้าวเจ้า 20 กรัม
  • มะพร้าวอ่อน(ค่อนข้างแข็ง)ขูดเส้น 180 กรัม
  • มะพร้าวอบแห้ง 20 กรัม (ถ้าไม่มีก็ตัดไปแล้วเพิ่มมะพร้าวอ่อนแทนได้ค่ะ)

Wednesday, March 20, 2013

บิสกิตไส้ช็อคโกแล็ต : Biscuit with Chocolate Filling

 

วันนี้มีสูตรบิสกิตสอดไส้ช็อคโกแล็ต 2 แบบมาฝากเพื่อนๆ ค่ะ  ที่หัดทำเจ้าขนมนี้เพราะเราสองคนตายายชอบกินน่ะค่ะ จริงๆ แล้วซื้อเค้ากินก็ง่ายเนอะ อร่อยดีและไม่แพงด้วย แต่เราเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งคือถ้าชอบกินอะไรแล้วมีโอกาสก็จะอดรนทนไม่ได้ที่จะต้องลองทำเลียนแบบบ้าง ดูส่วนผสมจากข้างห่อโดยเพิ่มส่วนผสมที่ชอบและตัดส่วนผสมที่ไม่จำเป็นหรือหาไม่ได้ออกไป

ผลการทดลองครั้งแรกออกมายังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก มันก็อร่อยนะคะ แต่รสชาติคนละแบบกับที่ซื้อเค้ากินเลย หนูทดลองที่บ้านบอกว่าตัวบิสกิตหนาเกินไปนิด ต้องคลึงให้บางกว่านี้หน่อยถึงจะโอเค รูปล่างเนี่ยล่ะค่ะที่ทำครั้งแรก เราใส่ไส้ช็อคโกแล็ตกานาช ตัวไส้รสชาติดีทีเดียวค่ะแต่บิสกิตกรอบวันแรก พอวันต่อๆ มาจะนิ่มลงหน่อย ผิดหวังเล็กน้อย 

พอครั้งที่สองเราปรับสูตรบิสกิตใหม่ คราวนี้แป้งกรอบนานเป็นที่น่าพอใจค่ะ ทำเสร็จก็แพ็คไปฝากเพื่อนที่ทำงานของคุณผู้ชาย บรรดาหนูลองกินกันเอร็ดอร่อย คนทำก็ปลาบปลื้มไปตามระเบียบ วันนี้เลยทำเป็นรอบที่สามแล้วใส่ไส้ไวท์ช็อคโกแล็ตเลมอนครีม ปลื้มไส้สุดๆ อร่อยมากๆ แต่เราเสียดายเราทำแบบมั่วๆ ไม่ได้ชั่งส่วนผสมค่ะ สูตรที่ลงให้จึงเป็นส่วนผสมโดยประมาณนะคะ ไว้คราวหน้าทำใหม่แล้วจะชั่งส่วนผสมแล้วมาอัพเดทให้ใหม่ค่ะ

Tuesday, March 12, 2013

อัลมอนด์บอล : Almond Balls


เมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมาก่อนที่เราจะกลับเมืองไทยเคยโพสต์ถามเพื่อนๆ ในเพจว่ามีใครรู้จักเจ้าขนมข้างบนนี้รึเปล่า แต่ก็ไม่มีใครรู้จักเลย พอดีช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมาเราได้ไปตลาดคริสต์มาสแล้วเจอบู๊ทของเจ้าขนมนี้ มีลักษณะเป็นลูกบอลกลมๆ ขนาดประมาณลูกเทนนิส ทำจากอัลมอนด์ (บางครั้งก็มีเฮซัลนัท หรือมะพร้าวอบแห้งผสมอยู่นิดหน่อยด้วย) เวลากัดกินแล้วได้รสชาติมาร์ซิแพนเต็มปากเต็มคำ สอดไส้อมาเรนาเชอรี่ หน้าตาคล้ายๆ Schneebälle ขนมคริสต์มาสของเยอรมันแต่ไม่ใช่  บริษัทที่ทำขายเป็นบริษัทอิตาเลียน จำชื่อไม่ได้ เสิร์ชหารูปในกูเกิลก็ไม่เจอ สุดท้ายก็ลองมั่วทำเองจากความทรงจำที่ได้ชิมมา ทำเสร็จคนที่บ้านกินแล้วบอกอร่อยมาก แต่พอถามว่ารสชาติเหมือนที่ซื้อกินรึเปล่า ดันบอกว่ามันผ่านไปตั้ง 2 อาทิตย์แล้ว จำไม่ได้ซะอีก  


สรุปว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าขนมนี้ชื่ออะไร เราก็เลยเรียกง่ายๆ ว่าอัลมอนด์บอลแล้วกันนะคะ  เราลองทำครั้งนี้เป็นรอบที่ 4 แล้ว จนในที่สุดก็ได้รสชาติที่พอใจที่สุดเลยเอาสูตรมาลงบล็อกเผื่อเพื่อนๆ ที่อยากลองชิมด้วยค่ะ  สามครั้งที่ผ่านมาเราใช้อัลมอนด์สไลด์โป๊ะด้านนอก แต่ครั้งล่าสุดเนื่องจากคุณผู้ชายจู่ๆ ก็อยากกินขึ้นมา โทรมาจากที่ทำงานมาช่วยทำให้กินกับกาแฟตอนบ่ายหลังกลับจากที่ทำงานได้รึเปล่า เราไม่มีอัลมอนด์สไลด์ที่บ้าน จะออกไปซื้อก็ขี้เกียจลุยหิมะ เลยตัดสินใจสับอัลมอนด์หยาบๆ แบบนี้เคลือบแทน รสชาติเปลี่ยนพอสมควรแต่ก็อร่อยไปอีกแบบค่ะ


แกงเหลืองหน่อไม้ดองใส่ปลากะพง : Yellow hot sour soup with preserved bamboo shoot and fish



เมื่อสองวันก่อนได้ฤกษ์ทำแกงเหลืองหน่อไม้ดองอีกรอบ แกงเหลืองสไตล์เราจะออกมาค่อนข้างเหมือนแกงลูกผสมระหว่างแกงส้มกับแกงเหลือง คือเราจะผสมเนื้อปลาในน้ำแกงไปหน่อยเพื่อให้น้ำแกงข้นขึ้น รสชาติถึงจะออกเผ็ดจัดจ้านแต่ก็กลมกล่อมดี เป็นหนึ่งในแกงที่เราทำกินบ่อยมากๆ  เลยค่ะ  ตอนแรกคิดว่าอัพสูตรลงบล็อกไปตั้งนานแล้ว เพิ่งรู้ว่ายังไม่เคยลงเก็บไว้เลย วันนี้ว่างๆ ก็จัดการนิดนึงเนอะ  สูตรนะคะ

เครื่องปรุงโดยประมาณ
  • หน่อไม้ดอง 450 กรัม
  • ปลากะพงขาว 1 ตัว น้ำหนักประมาณ 400-450 กรัม
  • พริกขี้หนูแห้งเม็ดใหญ่ 20 เม็ด  (แช่น้ำให้นิ่ม)
  • เกลือป่น 1 ชช.โปร่งๆ
  • พริกขี้หนูสดสีแดง 10 เม็ด
  • หอมแดง 2 หัว
  • กระเทียมไทย 10 กลีบ
  • ขมิ้นหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  • กะปิอย่างดี 2 ชช.
  • น้ำสะอาด 750 มล.
  • น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ้วย
  • น้ำปลา 3 ชต.
  • น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ชต. 
  • น้ำมะนาว 1 ชต.
วิธีทำ   นำหน่อไม้ดองไปล้างน้ำเย็นประมาณ 3 ครั้งแล้วสะเด็ดน้ำพักไว้ค่ะ ส่วนปลาก็ขอดเกล็ดเอาไส้ออก ล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นแว่น เราเก็บชิ้นที่เป็นช่วงตัวไว้ แล้วนำชิ้นที่ติดส่วนหัวและส่วนหางไปต้มในน้ำเดือดจนสุกแล้วแกะเอาแต่เนื้อปลาไปโขลกรวมกับพริกแกงค่ะ

ตอนนี้ไปทำพริกแกงกันค่ะ พริกขี้หนูสดหั่นท่อน หอมแดงปอกเปลือกแล้วหั่นหยาบ กระเทียมปอกเปลือก  เตรียมของเรียบร้อยแล้วก็จัดการโขลกพริกแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วกับเกลือรวมกันให้ละเอียด ใส่พริกขี้หนูสด หอมแดง กระเทียม และขมิ้นลงไปโขลกรวมกันจนละเอียด แล้วจึงใส่กะปิกับเนื้อปลาที่แกะไว้ลงไปโขลกให้เข้ากันดีค่ะ 

เทน้ำสะอาดใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือดแล้วตักพริกแกงที่โขลกไว้ใส่ลงไป รอให้น้ำเดือดพล่านอีกครั้งก็ใช้ทัพพีคนจนเครื่องแกงละลาย จากนั้นใส่ชิ้นปลาลงไปแล้วปิดฝาหม้อไว้ประมาณ 2 นาที  ใส่หน่อไม้ดองลงไป ปล่อยให้เดือดแล้วปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ คนให้ทั่วแล้วปล่อยให้เดือดอีกครั้ง ก่อนใส่น้ำมะนาวลงไป ชิมรสตามชอบแล้วปิดไฟค่ะ 


เวลาทำแกงเหลืองเรามักจะทำไว้วันนี้แล้วอุ่นกินพรุ่งนี้ค่ะ วันแรกที่ทำรู้สึกว่ารสชาติจะยังไม่อร่อยเข้มข้นเท่าที่ควรจะเป็น แต่พอชิมวันต่อมา เอ๊ะ ทำไมมันอร่อยขึ้นเยอะเนี่ย เพราะฉะนั้นใครที่มีเวลาก็ทำเหมือนเราก็ได้นะคะ แบบทำวันนี้กินพรุ่งนี้อะไรแบบนี้น่ะค่ะ ใครชอบแกงใต้รสจัดจ้านก็ลองทำดูนะคะ ใครทำก็ขอให้อร่อยกันทุกคนค่า พบกันใหม่บล็อกหน้านะคะ วันนี้ไปก่อนล่ะ บ๊ายบายค่า




Saturday, March 2, 2013

เต้าหู้ยัดไส้ผัดเต้าเจี้ยว : stir fried filled tofu with ginger and soy bean paste






เครื่องปรุงโดยประมาณ
  • หมูสับ 100 กรัม
  • กุ้งสดปอกเปลือกสับละเอียด 4 ตัว
  • เต้าหู้แข็ง 200 กรัม
  • ขิงอ่อน 5-7 แผ่น (ประมาณ 1 1/2 ชต.)
  • กระเทียม 2 กลีบ
  • หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
  • คื่นฉ่าย 2 ต้น
  • ต้นหอม 2 ต้น
  • แครอท 1 หัว
  • พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 2 เม็ด
  • เต้าเจี้ยว 1 ชต.
  • พริกไทยดำบดหยาบ 1/2 ชช.
  • น้ำมันหอย 1 ชต.
  • ซีอิ๊วขาว 1/2 ชต.
  • น้ำตาลปี๊บ 1/4 ชช.
  • น้ำสะอาด 2-3 ชต.
  • น้ำมันพืช 2-3 ชต.
วิธีทำ

ผสมหมูสับกับกุ้งสับรวมกัน ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย พริกไทย น้ำตาลทราย และกระเทียมอย่างละนิดลงไปนวดจนเหนียวเข้ากันดี แล้วนำเต้าหู้มาหั่นเป็นแผ่นหนาประมาณ 1/2 ซม. 6 แผ่นเท่าๆ กัน แบ่ง 2/3 ของส่วนผสมที่นวดไว้มาแผ่บนแผ่นเต้าหู้ 3 แผ่น แล้วนำอีก 3 แผ่นที่เหลือมาประกบ กดให้ติดกันดีแล้วหั่นเต้าหู้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส พักไว้ก่อนค่ะ 

จัดการปอกเปลือกกระเทียมแล้วสับหยาบ ขิงปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นเส้นตามยาว หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกแล้วหั่นตามยาว แครอทล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นเส้น คื่นฉ่ายกับต้นหอมล้างแล้วหั่นท่อน พริกขี้หนูล้างแล้วหั่นเฉียงค่ะ  

นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปประมาณ 2-3 ชต. พอน้ำมันร้อนก็นำเต้าหู้ลงทอดให้สีสวยทั้ง 4 ด้าน แล้วตักขึ้นวางบนกระดาษเพื่อซับน้ำมันค่ะ  จากนั้นหมูสับที่หมักไว้อีก 1/3 ที่เหลือลงผัดในน้ำมันที่ทอดเต้าหู้ พอหมูเริ่มเปลี่ยนสี ใส่กระเทียม หอมหัวใหญ่ ขิง แครอท  และพริกขี้หนูลงผัดพอส่งกลิ่นหอม แล้วปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว พริกไทยดำ น้ำมันหอย น้ำตาลปี๊บ และน้ำสะอาดลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ

สุดท้ายใส่เต้าหู้ผัดพอให้เข้ากับซอส แล้วใส่คื่นฉ่ายและต้นหอม คนพอเข้ากันแล้วตักใส่จานเสิร์ฟ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ  ง่ายๆ แต่อร่อยดีนะคะ


Wednesday, February 27, 2013

มัฟฟินช็อคโกแล็ต : Chocolate Muffins



สวัสดีจ้าทุกคน กลับมาอัพบล็อกอีกครั้งหลังจากหายไปซะนาน พอดีหน้าหนาวที่นี่มันหนาวจับใจจริงๆ เลยหนีกลับไปเมืองไทยมาน่ะค่ะ แต่พออยู่เมืองไทยก็ร้อนได้ใจดีอีกเหมือนกัน (ตัดสินใจไม่ถูกเลยทีเดียวว่าอากาศร้อนจัดกับหนาวจัดเนี่ยอยู่ที่ไหนดีกว่ากัน) พอกลับจากเมืองไทยมาเจอหิมะเข้าไปอีกก็เจอไข้หวัดรับประทานไปเป็นอาทิตย์เลยค่ะ เซ็งมากๆ 

บ่นพอหอมปากหอมคอแล้ว วันนี้มีสูตรมัฟฟินอร่อยๆ มาฝากเพื่อนๆ ค่ะ ซึ่งปกติเรากับมัฟฟินช็อคโกแล็ตเนี่ยเป็นอะไรที่ไม่ถูกกันเลยจริงๆ ไม่ชอบกินเอามากๆ แต่พอดีตอนกลับจากไทยใหม่ๆ คนที่บ้านซื้อมัฟฟินช็อคโกแล็ตมาให้ชิมเพราะดูหน้าตาแล้วน่ากินมาก แล้วทางร้านก็เพิ่งอบเสร็จใหม่ๆ ยังอุ่นๆ อยู่เลย เราก็กินอย่างเสียไม่ได้ พอเข้าปากคำแรกเนี่ย โอ้... ทำไมมันอร่อยอย่างนี้ เนื้อมัฟฟินนุ๊มนุ่ม มีช็อคโกแล็ตเยิ้มๆ อยู่ข้างในประปราย อร่อยมากๆ หลังจากนั้นก็เลยพยายามทำตามอยู่ 2 ครั้งก็ยังไม่เหมือนที่ซื้อกิน พอครั้งที่ 3 เนี่ยแหละค่ะที่ออกมาใกล้เคียงที่สุด ถึงจะไม่ใช่ซะทีเดียวแต่ก็อร่อยไปอีกแบบเลยตัดสินใจนำสูตรมาลงบล็อกให้เพื่อนๆ ลองทำดูค่ะ ไปดูสูตรกันเลยนะคะ

ส่วนผสม  สำหรับมัฟฟิน 8 ถ้วย
  • Dark chocolate 70 กรัม
  • เนยสด 50 กรัม 
  • Bittersweet chocolate  50 กรัม
  • White chocolate 20 กรัม (สำหรับโรยหน้า)
  • แป้งสาลีเอนกประสงค์ 120 กรัม
  • ผงโกโก้ 10 กรัม
  • ผงฟู 1 ชช.
  • เบกกิ้งโซดา 1/2 ชช.
  • ไข่ไก่ขนาดใหญ่ 1 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 70 กรัม
  • เกลือป่น 1/4 ชช.
  • กลิ่นวานิลาบัทเทอร์ 1 ชช.
  • กลิ่นรัม 3-4 หยด
  • นมสด 100 กรัม (เราใช้นมสด 70 กรัม+โยเกิร์ตธรรมชาติ 30 กรัมค่ะ นุ่มกว่าใช้นมสดอย่างเดียวนิดนึง)
วิธีทำ


สับดาร์กช็อคโกแล็ตกับเนยรวมกันในชามหรือภาชนะที่เข้าไมโครเวฟได้   Bittersweet chocolate หั่นเต๋าขนาดใหญ่แยกไว้ ไวท์ช็อคก็หั่นเต๋าเล็กๆ ไว้โรยหน้ามัฟฟินก่อนอบค่ะ  ร่อนแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดา และผงโกโก้รวมกันไว้ด้วยนะคะ เมื่อเตรียมของเรียบร้อยแล้วก็จัดการอุ่นเตาอบไว้ที่ 200 องศาเซลเซียส แล้ววางถ้วยกระดาษในพิมพ์มัฟฟินรอไว้เลยค่ะ


ละลายช็อคโกแล็ตกับเนยสดในไมโครเวฟด้วยไฟต่ำสุดประมาณ 1 นาที นำออกมาคน แล้วนำเข้าเวฟต่ออีก 20 วินาที แล้วนำออกมาคน ทำอย่างนี้จนกว่าช็อคโกแล็ตจะละลายหมดค่ะ  จากนั้นตอกไข่ใส่อ่างผสม ตามด้วยน้ำตาลทราย นมสด กลิ่นวานิลา และกลิ่นรัม ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากันค่ะ  

เสร็จแล้วเทช็อคโกแล็ตที่ละลายไว้ใส่อ่างไข่ คนให้เข้ากัน แล้วใส่ส่วนผสมแป้ง และ Bittersweet chocolate ที่เราสับไว้ ลงไปคนแป๊บๆ แค่พอเข้ากัน (อย่าคนนานนะคะเดี๋ยวมัฟฟินไม่นุ่ม)  


ตักส่วนผสมใส่ประมาณ 2/3 ของพิมพ์แล้วโรยหน้าด้วยไวท์ช็อคฯ  นำเข้าอบไฟ 200 องศาเซลเซียสประมาณ 18-20 นาที หรือจนมัฟฟินสุก นำออกจากเตาอบแล้วนำถ้วยกระดาษออกจากพิมพ์มัฟฟิน วางบนตะแกรงจนขนมอุ่นจนใกล้เย็นสนิทก็ทานได้ค่ะ ง่ายมากเลยใช่มั้ยล่ะคะ แต่สังเกตได้ว่าพิมพ์ขนมนี่สำคัญมากเลยเนอะ เราว่าแบบที่ใส่ถ้วยแบบสีขาวรูปทรงขนมจะออกมาเป็นโดมสวยกว่าที่ใส่ถ้วยสีแดงและเหลืองนะคะ


มัฟฟินสูตรนี้ทานตอนที่ยังไม่เย็นสนิทจะอร่อยที่สุดเลยค่ะ เนื้อขนมจะนุ่มมาก แล้วที่ทำให้อร่อยเป็นพิเศษก็คือช็อคโกแล็ตที่เยิ้มๆ อยู่ข้างใน แต่ถ้าทิ้งมัฟฟินให้เย็นสนิทหรือค้างคืนแล้ว เนื้อจะแน่นขึ้นนิดนึงและช็อคโกแล็ตในเนื้อขนมก็จะเซ็ตตัว ไม่เยิ้มชวนฝันเหมือนตอนยังอบใหม่ๆ ค่ะ 

รูปบนนี้เราใส่ช็อคโกแล็ตชิปส์ไป อบแล้วไม่เยิ้มเหมือนช็อคโกแล็ตแบบบล็อกค่ะ แต่พอดีเราไม่มีรูปถ่ายเนื้อขนมตอนอบเซ็ตต่อๆ มาเลยต้องใช้รูปที่ทำครั้งแรกแทนไปก่อนค่ะ  ใครเป็นแฟนช็อคโกแล็ตมัฟฟินลองทำดูนะคะ เผื่อจะชอบ  แล้วเจอกันบล็อกหน้าเร็วๆ นี้ค่ะ