Wednesday, March 20, 2013

บิสกิตไส้ช็อคโกแล็ต : Biscuit with Chocolate Filling

 

วันนี้มีสูตรบิสกิตสอดไส้ช็อคโกแล็ต 2 แบบมาฝากเพื่อนๆ ค่ะ  ที่หัดทำเจ้าขนมนี้เพราะเราสองคนตายายชอบกินน่ะค่ะ จริงๆ แล้วซื้อเค้ากินก็ง่ายเนอะ อร่อยดีและไม่แพงด้วย แต่เราเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งคือถ้าชอบกินอะไรแล้วมีโอกาสก็จะอดรนทนไม่ได้ที่จะต้องลองทำเลียนแบบบ้าง ดูส่วนผสมจากข้างห่อโดยเพิ่มส่วนผสมที่ชอบและตัดส่วนผสมที่ไม่จำเป็นหรือหาไม่ได้ออกไป

ผลการทดลองครั้งแรกออกมายังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก มันก็อร่อยนะคะ แต่รสชาติคนละแบบกับที่ซื้อเค้ากินเลย หนูทดลองที่บ้านบอกว่าตัวบิสกิตหนาเกินไปนิด ต้องคลึงให้บางกว่านี้หน่อยถึงจะโอเค รูปล่างเนี่ยล่ะค่ะที่ทำครั้งแรก เราใส่ไส้ช็อคโกแล็ตกานาช ตัวไส้รสชาติดีทีเดียวค่ะแต่บิสกิตกรอบวันแรก พอวันต่อๆ มาจะนิ่มลงหน่อย ผิดหวังเล็กน้อย 

พอครั้งที่สองเราปรับสูตรบิสกิตใหม่ คราวนี้แป้งกรอบนานเป็นที่น่าพอใจค่ะ ทำเสร็จก็แพ็คไปฝากเพื่อนที่ทำงานของคุณผู้ชาย บรรดาหนูลองกินกันเอร็ดอร่อย คนทำก็ปลาบปลื้มไปตามระเบียบ วันนี้เลยทำเป็นรอบที่สามแล้วใส่ไส้ไวท์ช็อคโกแล็ตเลมอนครีม ปลื้มไส้สุดๆ อร่อยมากๆ แต่เราเสียดายเราทำแบบมั่วๆ ไม่ได้ชั่งส่วนผสมค่ะ สูตรที่ลงให้จึงเป็นส่วนผสมโดยประมาณนะคะ ไว้คราวหน้าทำใหม่แล้วจะชั่งส่วนผสมแล้วมาอัพเดทให้ใหม่ค่ะ

Tuesday, March 12, 2013

อัลมอนด์บอล : Almond Balls


เมื่อประมาณสองเดือนที่ผ่านมาก่อนที่เราจะกลับเมืองไทยเคยโพสต์ถามเพื่อนๆ ในเพจว่ามีใครรู้จักเจ้าขนมข้างบนนี้รึเปล่า แต่ก็ไม่มีใครรู้จักเลย พอดีช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมาเราได้ไปตลาดคริสต์มาสแล้วเจอบู๊ทของเจ้าขนมนี้ มีลักษณะเป็นลูกบอลกลมๆ ขนาดประมาณลูกเทนนิส ทำจากอัลมอนด์ (บางครั้งก็มีเฮซัลนัท หรือมะพร้าวอบแห้งผสมอยู่นิดหน่อยด้วย) เวลากัดกินแล้วได้รสชาติมาร์ซิแพนเต็มปากเต็มคำ สอดไส้อมาเรนาเชอรี่ หน้าตาคล้ายๆ Schneebälle ขนมคริสต์มาสของเยอรมันแต่ไม่ใช่  บริษัทที่ทำขายเป็นบริษัทอิตาเลียน จำชื่อไม่ได้ เสิร์ชหารูปในกูเกิลก็ไม่เจอ สุดท้ายก็ลองมั่วทำเองจากความทรงจำที่ได้ชิมมา ทำเสร็จคนที่บ้านกินแล้วบอกอร่อยมาก แต่พอถามว่ารสชาติเหมือนที่ซื้อกินรึเปล่า ดันบอกว่ามันผ่านไปตั้ง 2 อาทิตย์แล้ว จำไม่ได้ซะอีก  


สรุปว่าจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าขนมนี้ชื่ออะไร เราก็เลยเรียกง่ายๆ ว่าอัลมอนด์บอลแล้วกันนะคะ  เราลองทำครั้งนี้เป็นรอบที่ 4 แล้ว จนในที่สุดก็ได้รสชาติที่พอใจที่สุดเลยเอาสูตรมาลงบล็อกเผื่อเพื่อนๆ ที่อยากลองชิมด้วยค่ะ  สามครั้งที่ผ่านมาเราใช้อัลมอนด์สไลด์โป๊ะด้านนอก แต่ครั้งล่าสุดเนื่องจากคุณผู้ชายจู่ๆ ก็อยากกินขึ้นมา โทรมาจากที่ทำงานมาช่วยทำให้กินกับกาแฟตอนบ่ายหลังกลับจากที่ทำงานได้รึเปล่า เราไม่มีอัลมอนด์สไลด์ที่บ้าน จะออกไปซื้อก็ขี้เกียจลุยหิมะ เลยตัดสินใจสับอัลมอนด์หยาบๆ แบบนี้เคลือบแทน รสชาติเปลี่ยนพอสมควรแต่ก็อร่อยไปอีกแบบค่ะ


แกงเหลืองหน่อไม้ดองใส่ปลากะพง : Yellow hot sour soup with preserved bamboo shoot and fish



เมื่อสองวันก่อนได้ฤกษ์ทำแกงเหลืองหน่อไม้ดองอีกรอบ แกงเหลืองสไตล์เราจะออกมาค่อนข้างเหมือนแกงลูกผสมระหว่างแกงส้มกับแกงเหลือง คือเราจะผสมเนื้อปลาในน้ำแกงไปหน่อยเพื่อให้น้ำแกงข้นขึ้น รสชาติถึงจะออกเผ็ดจัดจ้านแต่ก็กลมกล่อมดี เป็นหนึ่งในแกงที่เราทำกินบ่อยมากๆ  เลยค่ะ  ตอนแรกคิดว่าอัพสูตรลงบล็อกไปตั้งนานแล้ว เพิ่งรู้ว่ายังไม่เคยลงเก็บไว้เลย วันนี้ว่างๆ ก็จัดการนิดนึงเนอะ  สูตรนะคะ

เครื่องปรุงโดยประมาณ
  • หน่อไม้ดอง 450 กรัม
  • ปลากะพงขาว 1 ตัว น้ำหนักประมาณ 400-450 กรัม
  • พริกขี้หนูแห้งเม็ดใหญ่ 20 เม็ด  (แช่น้ำให้นิ่ม)
  • เกลือป่น 1 ชช.โปร่งๆ
  • พริกขี้หนูสดสีแดง 10 เม็ด
  • หอมแดง 2 หัว
  • กระเทียมไทย 10 กลีบ
  • ขมิ้นหั่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  • กะปิอย่างดี 2 ชช.
  • น้ำสะอาด 750 มล.
  • น้ำมะขามเปียก 1/2 ถ้วย
  • น้ำปลา 3 ชต.
  • น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ชต. 
  • น้ำมะนาว 1 ชต.
วิธีทำ   นำหน่อไม้ดองไปล้างน้ำเย็นประมาณ 3 ครั้งแล้วสะเด็ดน้ำพักไว้ค่ะ ส่วนปลาก็ขอดเกล็ดเอาไส้ออก ล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นแว่น เราเก็บชิ้นที่เป็นช่วงตัวไว้ แล้วนำชิ้นที่ติดส่วนหัวและส่วนหางไปต้มในน้ำเดือดจนสุกแล้วแกะเอาแต่เนื้อปลาไปโขลกรวมกับพริกแกงค่ะ

ตอนนี้ไปทำพริกแกงกันค่ะ พริกขี้หนูสดหั่นท่อน หอมแดงปอกเปลือกแล้วหั่นหยาบ กระเทียมปอกเปลือก  เตรียมของเรียบร้อยแล้วก็จัดการโขลกพริกแห้งที่แช่น้ำจนนิ่มแล้วกับเกลือรวมกันให้ละเอียด ใส่พริกขี้หนูสด หอมแดง กระเทียม และขมิ้นลงไปโขลกรวมกันจนละเอียด แล้วจึงใส่กะปิกับเนื้อปลาที่แกะไว้ลงไปโขลกให้เข้ากันดีค่ะ 

เทน้ำสะอาดใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนเดือดแล้วตักพริกแกงที่โขลกไว้ใส่ลงไป รอให้น้ำเดือดพล่านอีกครั้งก็ใช้ทัพพีคนจนเครื่องแกงละลาย จากนั้นใส่ชิ้นปลาลงไปแล้วปิดฝาหม้อไว้ประมาณ 2 นาที  ใส่หน่อไม้ดองลงไป ปล่อยให้เดือดแล้วปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา และน้ำตาลปี๊บ คนให้ทั่วแล้วปล่อยให้เดือดอีกครั้ง ก่อนใส่น้ำมะนาวลงไป ชิมรสตามชอบแล้วปิดไฟค่ะ 


เวลาทำแกงเหลืองเรามักจะทำไว้วันนี้แล้วอุ่นกินพรุ่งนี้ค่ะ วันแรกที่ทำรู้สึกว่ารสชาติจะยังไม่อร่อยเข้มข้นเท่าที่ควรจะเป็น แต่พอชิมวันต่อมา เอ๊ะ ทำไมมันอร่อยขึ้นเยอะเนี่ย เพราะฉะนั้นใครที่มีเวลาก็ทำเหมือนเราก็ได้นะคะ แบบทำวันนี้กินพรุ่งนี้อะไรแบบนี้น่ะค่ะ ใครชอบแกงใต้รสจัดจ้านก็ลองทำดูนะคะ ใครทำก็ขอให้อร่อยกันทุกคนค่า พบกันใหม่บล็อกหน้านะคะ วันนี้ไปก่อนล่ะ บ๊ายบายค่า




Saturday, March 2, 2013

เต้าหู้ยัดไส้ผัดเต้าเจี้ยว : stir fried filled tofu with ginger and soy bean paste






เครื่องปรุงโดยประมาณ
  • หมูสับ 100 กรัม
  • กุ้งสดปอกเปลือกสับละเอียด 4 ตัว
  • เต้าหู้แข็ง 200 กรัม
  • ขิงอ่อน 5-7 แผ่น (ประมาณ 1 1/2 ชต.)
  • กระเทียม 2 กลีบ
  • หอมหัวใหญ่ 1/2 หัว
  • คื่นฉ่าย 2 ต้น
  • ต้นหอม 2 ต้น
  • แครอท 1 หัว
  • พริกขี้หนูเม็ดใหญ่ 2 เม็ด
  • เต้าเจี้ยว 1 ชต.
  • พริกไทยดำบดหยาบ 1/2 ชช.
  • น้ำมันหอย 1 ชต.
  • ซีอิ๊วขาว 1/2 ชต.
  • น้ำตาลปี๊บ 1/4 ชช.
  • น้ำสะอาด 2-3 ชต.
  • น้ำมันพืช 2-3 ชต.
วิธีทำ

ผสมหมูสับกับกุ้งสับรวมกัน ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย พริกไทย น้ำตาลทราย และกระเทียมอย่างละนิดลงไปนวดจนเหนียวเข้ากันดี แล้วนำเต้าหู้มาหั่นเป็นแผ่นหนาประมาณ 1/2 ซม. 6 แผ่นเท่าๆ กัน แบ่ง 2/3 ของส่วนผสมที่นวดไว้มาแผ่บนแผ่นเต้าหู้ 3 แผ่น แล้วนำอีก 3 แผ่นที่เหลือมาประกบ กดให้ติดกันดีแล้วหั่นเต้าหู้เป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส พักไว้ก่อนค่ะ 

จัดการปอกเปลือกกระเทียมแล้วสับหยาบ ขิงปอกเปลือกแล้วหั่นเป็นเส้นตามยาว หอมหัวใหญ่ปอกเปลือกแล้วหั่นตามยาว แครอทล้างให้สะอาดแล้วหั่นเป็นเส้น คื่นฉ่ายกับต้นหอมล้างแล้วหั่นท่อน พริกขี้หนูล้างแล้วหั่นเฉียงค่ะ  

นำกระทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชลงไปประมาณ 2-3 ชต. พอน้ำมันร้อนก็นำเต้าหู้ลงทอดให้สีสวยทั้ง 4 ด้าน แล้วตักขึ้นวางบนกระดาษเพื่อซับน้ำมันค่ะ  จากนั้นหมูสับที่หมักไว้อีก 1/3 ที่เหลือลงผัดในน้ำมันที่ทอดเต้าหู้ พอหมูเริ่มเปลี่ยนสี ใส่กระเทียม หอมหัวใหญ่ ขิง แครอท  และพริกขี้หนูลงผัดพอส่งกลิ่นหอม แล้วปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว พริกไทยดำ น้ำมันหอย น้ำตาลปี๊บ และน้ำสะอาดลงไปคนให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ

สุดท้ายใส่เต้าหู้ผัดพอให้เข้ากับซอส แล้วใส่คื่นฉ่ายและต้นหอม คนพอเข้ากันแล้วตักใส่จานเสิร์ฟ ทานกับข้าวสวยร้อนๆ  ง่ายๆ แต่อร่อยดีนะคะ